วิธีดูแลรักษาบ้านไม้ให้สวยงามตลอดเวลา

ในการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยตั้งแต่สมัยโบราณมา ไม้ คือวัสดุที่สำคัญที่คนเรานำมาสร้างบ้าน โดยเฉพาะบ้านในภูมิภาคเขตร้อนอย่างบ้านเรา การใช้ไม้เป็นวัสดุในการสร้างบ้านนับว่าเป็นภูมิปัญญาและเป็นความเหมาะสมสำหรับสภาพภูมิอากาศอย่างยิ่ง แต่ด้วยธรรมชาติแท้จริงของไม้ ที่มักมีความซีดหรือกร่อนไปตามกาลเวลาทำให้เราจำเป็นจะต้องดูแลรักษาเนื้อไม้ให้สวยงามตลอดเวลา อีกทั้งการดูแลที่ดียังช่วยยืดอายุการใช้งานของไม้ได้ด้วย ใครที่มีบ้านไม้ก็ควรดูแลรักษาเนื้อไม้ไว้ให้คงทนสวยงามด้วยวิธีการดังนี้

เริ่มจาก โครงสร้างไม้ภายนอกบ้านเช่นประตูและหน้าต่าง ระแนงบ้าน พื้นชานเรือนปกป้องผิวไม้จากความชื้นที่อาจเกิดได้ตลอดเวลา และปกป้องจากแสงแดดด้วยวิธีการทาสีน้ำมัน หรือเลือกเป็นทาสีน้ำพลาสติกที่ผลิตสำหรับงานไม้โดยเฉพาะ อีกวิธีคือใช้สีย้อมไม้ ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้เมื่อทาแล้วซึมเข้าเนื้อไม้ โดยตรง ทำให้ลายไม้ชัดๆ ดูสวย มีความทนทานากกว่าการทาด้วยน้ำยาเคลือบผิวแบบฟิล์มใส อย่าง พอลิยูรีเทนหรือแล็ก จากนั้นต้องมีการใช้น้ำยาป้องกันแมลงกัดกินไม้ ด้วย ขั้นตอนในการดูแลไม้นอกบ้านทั้งที่อยู่ในที่ร่มและกลางแจ้ง ถ้าใช้ไปนานๆ เกิดการลอกร่อนหรือโก่ง ให้ใช้วิธีขัดสีเดิมออกให้ลึกถึงเนื้อไม้ จากนั้นไสผิวให้เนียนเรียบ แล้วจึงลงสีใหม่ การทาสีย้อมไม้ปกติจะทา 2-3 ชั้น

บริเวณต่อมาคือระเบียงไม้ ชานบ้านในที่โล่ง หรืออยู่กลางแจ้ง แรกทีเดียวควรเลือกใช้ไม้ชนิดไม้เนื้อแข็งมาทำ เช่น ไม้แดง ไม้สัก หรือไม้เต็ง เพราะจะมีคุณสมบัติคือเนื้อแข็งไม่เป็นที่ชอบของ แมลงกินไม้ และควรทาสีย้อมไม้ด้วยเลย เพื่อให้ช่วยลดการดูดซับความชื้นและการสูญเสียความชื้นในเนื้อไม้ สีย้อมไม้ที่ขายกันอยู่จะใช้ดีกว่าเพราะทนทานกว่าพอลิยูรีเทน ซึ่งให้ความมันวาวสวยแต่ไม่ทนแดดได้เท่า การถนอมเนื้อไม้อีกอย่างคือในการทำพื้นหรือระแนงควรตีเว้นร่องพื้นระเบียงไม่ใช้ชิดกันติดเสียทีเดียว แต่ตีให้ห่างกันเล็กน้อย น้ำฝนและน้ำอื่นๆ จะได้ไหลลงด้านล่างได้สะดวก ไม่ขังเป็นแอ่งทำลายเนื้อไม้ การดูแลรักษาที่ดีคือให้ขัดผิวและทาสีย้อมพื้นระแนงไม้ หรืออาจจะเป็น สีย้อมไม้สำหรับทาไม้นอกบ้าน โดยควรทาใหม่ ทุก 3 ปี จะช่วยยืดอายุการใช้งานได้

บริเวณสุดท้ายคือไม้ภายในบ้านและบันได ปัญหาที่พบไม่ใช่ความซีดหรือผุ แต่มักจะมีรอยขีดข่วนจากการใช้งานมากกว่า ให้ใช้น้ำยาเคลือบผิวชที่เป็นนิดฟิล์มทาเคลื่อบลงไป ช่วยให้เช็ดถูง่ายและมันวาวสวย หรือจะเลือกแบบด้านก็ได้ เพียงแค่ทาน้ำยาป้องกันแมลงกินไม้ให้ทั่วๆ ต่อด้วยการเคลือบด้วยพอลิยูรีเทน เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ใช้งานได้นานและดูแลง่ายแล้ว

การดูแลและรักษางานไม้ ให้สวยงามไปอีกหลายปี

งานไม้ ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ ของประดับที่ทำด้วยไม้ ของใช้ต่างๆ ที่ทำจากไม้ ล้วนแล้วแต่เป็นของที่มีเสน่ห์ เป็นงานที่ช่างต้องใช้ความประณีตในการสร้างสรรค์งานออกมา และเมื่อมาอยู่ในความครอบครองของเราก็ย่อมต้องอยากให้คงทนและสวยงามใช้งานไปได้อีกตราบนานปี การรักษาและดูแลงานไม้ให้สวยงามไปนานๆ มีเคล็ดลับและวิธีการคือ

1. รอยขีดขูดหรือด่าง
เมื่องานไม้มีอายุนานวันเข้าก็มักจะเกิดรอยขูดขีดขึ้น ให้ใช้ผ้าสะอาด นำมายองเนสมาหยดลงไปบนผ้าแล้วถูลงบนไม้ที่เป็นรอยนั้น รอยด่างต่างๆ จะจางลง ถ้าเนื้อไม้มีรอยลึกเข้าไปเป็นรอยขีดข่วน ก็ให้ใช้ยาขัดรองเท้าที่มีสีใกล้เคียงกับตัวงานไม้ทาลงบนรอยจะทำให้รอยจางลงได้

2.การทำความสะอาด
การทำความสะอาดงานไม้ประจำวัน ให้ใช้ไม้ขนไก่มาเป็นอุปกรณ์ในการปัดฝุ่นออกก่อน จากนั้นให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ เช็ดจนสะอาด แต่หากพบว่ามีคราบและร่องรอยเปื้อนมาก ก็ให้ใช้กระดาษทรายเบอร์ที่ละเอียดๆ มาขัดออก งานไม้ที่เป็นไม้เนื้ออ่อน เช่น งานที่ทำจากหวาย หรือทำจากวัสดุไม้ยาง ไม่ควรขัดแรงๆ แต่ให้ใช้แปรง อ่อนๆ ปัดหรือไม้ขนไก่มาปัดฝุ่นออก จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำพอหมาดเช็ดออก อีกที ถ้ามีรอยด่างหรือเปื้อนมากควรใช้น้ำส้มสายชูผสมเข้ากับน้ำอุ่นเช็ดให้ทั่ว นำขี้ผึ้งมาขัดเป็นขั้นตอนสุดท้าย

3 .การป้องกันงานไม้เสียหาย
งานไม้อาจจะเสียหายได้จากแมลงจพวกมอด ปลวกกัดแทะ หรือถ้างานไม้ตั้งอยู่ในที่แดดส่งถึงหรือวางกลางแดดนานๆ ก็จะเสียหาย ซีด โก่งแตก ปริ ได้ง่าย เมื่อผ่านไปนานวัน วิธีดูแลรักษาก็คือ ให้ซื้อน้ำยาทาไม้กันปลวกมาทาเคลื่อบไว้ และใช้ยูริเทนมาทาเพื่อป้องกันสีไม้และผิวของงานไม้ การทาต้องเตรียมเนื้อไม้ให้พร้อมด้วยการทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำหมาด จากนั้นทิ้งไว้จนแห้งดีแล้วจึงทาน้ำยาลงไป ระหว่างที่น้ำยายังไม่แห้งดีอย่าเผลอไปแตะหรือดูอย่าให้มีฝุ่น หรือ ผงตกลงไปถูกเนื้อไม้จะทำให้เป็นรอยไม่สวย

4. ที่สำหรับวาง งานไม้
สถานที่ที่วางงานไม้ ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ ของตกแต่งหรืองานไม้ใดๆ ก็ตาม ไม่ควรวางในที่ที่อับหรือชื้น แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้หมั่นระบายอากาศในบริเวณนั้นบ่อยๆ เช่นเปิดหน้าต่าง ใช้พัดลมระบายหรือนำงานไม้ออกมาตากแดดบ้าง เพื่องานไม้จะไม่ชื้นจนเป็นราหรทอเสียหาย

งานแกะสลักไม้คืออะไร มีขั้นตอนการทำอย่างไร

งานแกะสลักไม้ คือ การใช้วัสดุแข็งและคม เช่นโลหะชนิดต่างๆ ขูดลงบนเนื้อไม้ประเภทต่างๆ บางส่วน ทำให้เกิดลวดลายหลากหลาย ทั้งลายที่แกะลงไปในตัวเนื้อไม้และลายที่ทำให้เนื้อไม้เกิดเป็นรูปทรงต่างๆ แบบสามมิติ เป็นศิลปหัตกรรมและประติมากรรมชนิดหนึ่ง สำหรับประเทศไทยของเรางานแกะสลักไม้มีมายาวนานตั้งแต่ครั้งอดีต เป็นงานศิลปกรรมที่เริ่มจากความศรัทธาในศาสนาเป็นหลัก เรียกผลงานศิลปะการแกะสลักไม้ว่า เครื่องไม้จำหลัก

ขั้นตอนการแกะสลักเริ่มจากการเตรียมอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ ได้แก่  สิ่ว เป็นอุปกรณ์ที่ทำจากเหล็กกล้ามีความเหนียวและแข็ง นำมาเจียรและตีให้เกิดความคม มีทั้งลักษณะหน้าตรง หน้าโค้ง ขนาดแตกต่างกันออกไป สิ่วหน้าโค้ง หรือสิ่งโค้งเล็บมือ จะใช้ตอกไม้ในส่วนที่ต้องการให้ได้พื้นผิวรูปโค้งและใช้แต่งลายด้วยการปาดแต่ง สิ่วปากเสี้ยว เป็นสิ่วที่มีพื้นผิวเฉียงไปทางหนึ่งทางใดก็ได้ มีทั้งสิ่วเสี้ยวซ้ายและสิ่วเสี้ยวขวา อุปกรณ์อีกอย่างคือค้อนไม้ มักจะทำจากไม้ชิงชันหรือไม้แก่นมะขาม มีเส้นผ่าศูนย์กลางตัวค้อนประมาณ 5-6 นิ้ว ใช้คู่กันในการตอกด้ามสิ่ว วัสดุไม้ที่นำมาแกะสลักต้องเลือกชนิดของไม้ที่มีเนื้อไม้ที่เหมาะในการแกะสลัก ชนิดไม้ที่นิยมนำมาแกะสลักคือ ไม้ชิงชัน ไม้สัก ไม้โมกมันและไม้ฉำฉา

งานที่ได้จากการแกะสลักไม้มีสามประเภทก็คือ ประเภทนูนสูง ประเภทนูนต่ำและประเภทลอยตัว  เริ่มมจากจะต้องเลือกรูปแบบของชิ้นงานว่าจะทำชิ้นงานแกะสลักออกมาเป็นลักษณะใดและภาพใด ภาพแกะสลักนูนต่ำ นูนสูง หรือลอยตัว จากนั้นต้องเลือกวัสดุหลักคือไม้ให้ได้ขนาดและรูปทรงที่เหมาะสมกับรูปแบบของงานทแกะสลักที่จะทำด้วย ในการแกะสลักเบื้องต้นครั้งแรกเรียกกันว่า โกลน เริ่มต้นการแกะสลักด้วยการโกลนเปรียบเสมือนการขึ้นโครงในการวาดภาพ การโกลนนั้นถือว่าสำคัญมาก เมื่อโกลนจนได้รูปทรงและลวดลายเบื้องต้นที่เป็นโครงร่างนำทางแล้ว จึงทำการแกะสลักเสลาไม้ในรายละเอียดที่ค่อยๆ ละเอียดขึ้น ชิ้นงานก็จะได้ความชัดเจน คมและสวยงามมากขึ้นเรื่อยๆ เน้นความอ่อนช้อยและซับซ้อนในรายละเอียด เมื่อแกะสลักจนได้ลวดลายที่ต้องการแล้วก็มาถึงขั้นตอนการแต่งชิ้นงาน ให้เนี้ยบด้วยการใช้กระดาษทรายขัดส่วนเกินออกให้ได้รูป จากนั้นก็ทาด้วยดินสอพองต่อด้วยน้ำมันเคลือบเนื้อไม้ หรือจะเลือกทาน้ำมันชักเงา ขึ้นอยู่กับว่าต้องการให้งานานแกะสลักนี้ออกมาเป็นลักษณะใด จึงเป็นอันเสร็จขั้นตอน ช่างแกะสลักไม้ที่เก่งและมีฝีมือเป็นเลิศ เมื่อเสร็จขั้นตอนการแกะสลักด้วยสิ่วแล้ว งานจะออกมาสวยงามสำเร็จโดยไม่ต้องใช้กระดาษทรายหรือสิ่งใดมาขัดแต่งชิ้นงานเลย