ประเทศญี่ปุ่นจัดว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มียอดฝีมือด้านงานช่างเยอะมาก เอาแค่งานศิลปะของพวกเค้าก็ถือว่าไม่เป็นสองรองใครแล้วเหมือนกัน ด้านงานไม้ ประเทศญี่ปุ่นก็มีช่างไม้ฝีมือระดับเทพ อยู่มากมาย พวกเค้าต่างสร้างและสะสมองค์ความรู้เกี่ยวกับงานไม้มาอย่างยาวนาน ล่าสุดได้มีการรวบรวมเทคนิคการเข้าไม้ (การประกบไม้) สไตล์ญี่ปุ่นมารวบรวมไว้ ซึ่งแต่ละแบบนั้นต้องยอมรับเลยว่า สุดยอดจริงๆ
เทคนิคเข้าไม้แบบท่อนเดียว
เทคนิคแรกถือว่าน่าสนใจมาก นั่นคือการประกบไม้สองท่อนให้กลายเป็นท่อนเดียวกัน ส่วนใหญ่เวลาเราบากไม้เพื่อประกบกันนั้นมันจะสามารถเข้าได้เพียงแค่ด้านเดียวเท่านั้น แต่เทคนิคเข้าไม้ของญี่ปุ่นล้ำกว่านั้น เค้าบากไม้เป็นรูปคล้ายกับดอกไม้ที่มีความลึกและลวดลายอันซับซ้อน อาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรแต่พอจะเข้าประกบไม้ รอยบากนี้จะสามารถทำให้เราเข้าประกบไม้ได้ทุกทิศทางเลยทั้งแนวตั้ง แนวนอน พลิกด้านหน้าด้านหลังทำได้หมด
การเข้าไม้รูปตัว L
อีกหนึ่งวิธีผู้เขียนมองว่ามันเจ๋งมาก นั่นคือการเข้าไม้เป็นรูปตัว L คล้ายกับการเข้าไปมุมฉาก โดยปกติเราเข้าไม้แบบนี้ก็จะเอามาติดกันเป็นมุมฉากแล้วตอกตะปู แต่ญี่ปุ่นล้ำกว่านั้น พวกเค้าจะฉลุลายเป็นร่องด้านหนึ่ง ไม้อีกแผ่นหนึ่งก็จะฉลุเป็นตัวเสียบ ไล่ตั้งแต่บนลงล่าง เว้นระยะให้เท่านั้น จากนั้นพอเข้าไม้ก็เสียบรอยฉลุนั้นลงไปเพียงเท่านั้นก็เข้าไม้ได้สนิท แน่น แบบไม่ต้องตอกตะปูด้วยซ้ำ การฉลุอาจจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมช่องเล็กก็ได้
การเข้าไม้ท่อนเป็นรูป ตัว L
อีกหนึ่งวิธีต่อเนื่องจากการเข้าไม้เป็นรูปตัว L นั่นคือหากไม้ที่เราจะเข้านั้นเป็นไม้ท่อน วิธีการของเค้าจะแปลกจากบ้านเราสักหน่อย หากเป็นบ้านเราจะเข้าไม้ท่อนแบบนี้จะบากตรงปลายไม้ให้เป็นแนวเฉียงรับกับอีกท่อนหนึ่งที่เฉียงเข้าหากัน แต่ของญี่ปุ่นเค้ามีเทคนิคซ้อนขึ้นอีกหนึ่งขั้น คือ พวกเค้าจะแกะสลักไม้เป็นร่อง แล้วก็นำไม้มาเสียบไว้ในร่องนั้น ให้ไม้ทำหน้าที่เป็นตัวขัดให้การเข้าไม่ติดกันมากขึ้น
การเข้าไม้ติดกระดูก
อีกหนึ่งเทคนิคเราขอตั้งชื่อว่า การเข้าไม้ติดกระดูก วิธีการก็คือ เราหั่นไม้ออกเป็นสองท่อน จากนั้นให้เกลาปลายไม้ให้เกลี้ยงเพื่อเข้าประกบกันธรรมดา แต่ไม่ธรรมดา ตรงที่จะมีการเซาะร่องไม้ทั้งสองข้างเป็นรูปกระดูกหมา จากนั้นเวลาประกอบก็เอาไม้ที่เป็นทรงกระดูกหมามาวางไว้ตรงร่องที่แกะสลักไว้อีกที เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวล็อคธรรมชาติให้ไม้เข้ากันสนิท จะเห็นว่าการเข้าไม้ของญี่ปุ่นนั้นมีความแตกต่าง ลุ่มลึกกว่าของบ้านเราพอสมควรเลยทีเดียว ลองไปหาศึกษาเพิ่มเติมกันได้